หากจะพูดถึง “ผี” ที่เราเห็นได้จากสื่อและภาพยนตร์ต่าง ๆ จนติดหูติดตา หนึ่งในผีเหล่านั้นคงมีชื่อ แวมไพร์ อย่างแน่นอน หากกล่าวถึงแวมไพร์เราทั้งหลายคงจะนึกถึงผีที่หน้าตาและตัวซีดขาว กินเลือดเป็นอาหาร นอนกลางวันและออกหากินในเวลากลางคืน กลัวแสงแดด บ้างก็ว่ากลัวกระเทียมอีกเสียด้วย จะจริงเท็จอย่างไร แวมไพร์มีจริงหรือไม่ มีที่มาอย่างไร วันนี้เรามีตำนานแวมไพร์มาฝากกันค่ะ
แวมไพร์ ก็เป็นความเชื่อเรื่องผีของผู้คนในแถบตะวันตก เช่นเดียวกับที่เราชาวไทยเชื่อเรื่องผีปอบและผีอื่น ๆ นั่นล่ะค่ะ โดยประเทศในแถบยุโรปมีความเชื่อมาตั้งแต่โบร่ำโบราณเลยว่าแวมไพร์มีจริง เป็นผีที่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนมนุษย์ไม่มีผิดเพียงแต่จะแตกต่างที่มีผิวซีดขาวและมีฟันแหลมคมไว้เพื่อขบกัดและดูดเลือดทั้งมนุษย์และสัตว์กินเป็นอาหาร พวกเขาเกลียดกลัวแสงแดดจึงจะนอนหลังอยู่ในโลงศพเวลากลางวันและออกหากินเวลากลางคืน ทั้งยังมีฤทธิ์เดชสามารถปลอมแปลงตัวให้เป็นสัตว์ต่าง ๆ ได้ เช่น งู หมาจิ้งจอก และที่นิยมที่สุดนั่นก็คือ ค้างคาว สามารถเสกให้ข้าวของเคลื่อนที่ได้ หายตัวได้ มีแรงมากมายกว่ามนุษย์ถึง 20 เท่าตัว และแวมไพร์จะไม่มีเงาสะท้อนที่กระจกเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป มนุษย์ที่ถูกแวมไพร์กัดหรือดูดเลือดนั้นจะกลายเป็นแวมไพร์เช่นเดียวกันและจะต้องกลายเป็นทาสของแวมไพร์ตัวนั้นตลอดไปอีกด้วย
แวมไพร์นั้นจะมีความเป็นอมตะไม่มีวันตายในลักษณะเดียวกับมนุษย์ เช่น การแก่ตาย ป่วยตาย หรือกระทั่งอาวุธร้ายแรงใด ๆ ก็ไม่สามารถทำลายแวมไพร์ได้ แต่มีวิธีการพิเศษที่แตกต่างออกไป เช่น การนำไม้กางเขนที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามาชูด้านหน้าของแวมไพร์จะทำให้ลดฤทธิ์เดชลงได้ หรือกระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม ก็จะทำให้แวมไพร์หนีหายไปได้เพราะเกลียดกลัวของที่มีกลิ่นแรง ส่วนการทำลายแวมไพร์ให้สิ้นซากนั้นพวกเขาเชื่อว่ามีเพียงสองวิธีคือ การใช้ไม้แหลมตอกไปที่บริเวณหัวใจของแวมไพร์ และการใช้จอบที่สัปเหร่อใช้ขุดฝังศพมาตัดหัวของแวมไพร์ออก
ชาวตะวันตกในยุคกลางนั้นมีความหวาดกลัวแวมไพร์เป็นอย่างมาก ผู้ใดที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นแวมไพร์ จะต้องถูกนำไปประหารชีวิต ส่วนวิธีการป้องกันแวมไพร์ของพวกเขานั้นก็มีมากมายหลายวิธี เช่น การโรยเมล็ดข้าวสารไว้บริเวณหลังคาบ้าน พวกเขาเชื่อว่าแวมไพร์นั้นจะมัวแต่นับเมล็ดข้าวอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้าจนไม่มีเวลามาดูดเลือดมนุษย์ ซึ่งก็เป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนภายนอกอยู่ว่าแวมไพร์มันจะไปนับข้าวทำไมนะในเมื่อจุดประสงค์คือจะมาหาอะไรกิน แต่ก็ว่ากันไม่ได้ ความเชื่อความศรัทธาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ระยะหลังความกลัวเรื่องแวมไพร์ก็เริ่มคลายลง จึงมีการนำเรื่องราวของแวมไพร์มาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ ทำให้ชื่อเสียงของแวมไพร์เป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วโลก