แม่น้ำโขงจัดว่าเป็นแม่น้ำอีกสายหนึ่งที่มีความสำคัญมากในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากแม่น้ำสายนี้ไหลผ่านถึง 6 ประเทศด้วยกัน คนนับล้านต่างได้อาศัยสายน้ำแห่งนี้มาประกอบอาชีพ เลี้ยงดูตัวเอง ครอบครัว นั่นทำให้แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจ ทั้งวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่ออีกมากมาย ดั่งตัวอย่างเรื่องราวต่อไปนี้
สะดือแม่น้ำโขง
คำว่า สะดือแม่น้ำโขง หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน อาจจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร สะดือแม่น้ำโขง หมายถึง ตลอดเส้นทางแม่น้ำโขงไหลเข้ามาในประเทศไทย จะมีบริเวณที่แม่น้ำโขงไหลวนกันคล้ายกับน้ำวนขนาดเล็ก แม่น้ำโขงตรงนั้นจะไหลแรง ไหลเชี่ยวกรากมาก หากไม่ชำนาญอาจจะทำให้เรือล่มได้ อีกทั้งตรงนั้นแม่น้ำโขงจะลึกที่สุด สะดือแม่น้ำโขงจะอยู่ที่ แก่งอาฮง จังหวัดบึงกาฬ
ถ้ำใต้น้ำ
ความเชื่อเกี่ยวกับสะดือแม่น้ำโขงมีมากมาย หนึ่งในเรื่องเล่าต่อกันมาก็คือ เชื่อกันว่าสะดือแม่น้ำโขงมีความลึกมากถึง 200 เมตร นอกจากความลึกแล้วยังเชื่อกันว่าภายใต้สะดือแม่น้ำโขงจะมีถ้ำใต้น้ำซ่อนอยู่ ถ้ำแห่งนี้บางคนเชื่อว่านี่คือแหล่งที่พักอาศัยของพระยานาค สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในบริเวณนั้น อีกทั้งถ้ำแห่งนี้ยังทอดตัวยาวไปเชื่อมต่อกับภูวัว ของฝั่งประเทศลาวได้อีกด้วย บางคนเชื่อไปถึงว่าถ้ำนี้จะทอดยาวไปถึงคำชะโนด จังหวัดอุดรธานีอีกด้วย
วัดร้างที่รอการบูรณะ
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เชื่อเอามากๆเกี่ยวกับสะดือแม่น้ำโขงแห่งนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัดที่สร้างอยู่ริมแม่น้ำโขงจุดที่เป็นสะดืออีสานนั่นคือ วัดอาฮงศิลาวาส แต่เดิมมีผู้บันทึกไว้ว่าแต่ก่อนเป็นเพียงแค่สำนักสงฆ์เท่านั้นเอง หลวงพ่อลุน เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อท่านมรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ. 2506 ก็ไม่มีพระสงฆ์มาจำพรรษา ณ สำนักสงฆ์แห่งนี้อีกเลย เหมือนสำนักสงฆ์แห่งนี้จะรอคอยใครสักคนอยู่ ผ่านไปสิบกว่าปี พ.ศ. 2517 หลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ ท่านเดินทางผ่านมาเห็นป้ายชื่อจึงเข้าไปดู พบเห็นเพียงแค่แม่ชีเท่านั้นจึงได้เข้าไปบูรณะวัดนี้ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
จุดพบศพคนตาย
ด้วยลักษณะของกระแสน้ำที่มีความเชี่ยวกรากมาก ไหลแรง เป็นน้ำวน ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นจุดหนึ่งที่พบศพคนตายเสมอ ในสมัยก่อนเชื่อกันว่า หากใครตกน้ำตายด้านเหนือขึ้นไปของแก่งอาฮงนี้ ให้มารอตรงนี้ ศพคนตายจะลอยขึ้นมา และไม่ลอยหนีไปทางอื่นอีก เนื่องจากว่าติดน้ำวนไปไหนไม่ได้
เรื่องราวความเชื่อเหล่านี้ ทำให้สะดือแม่น้ำโขงแห่งนี้ มีทั้งความสวยงาม ความเชื่อ และเรื่องราวลี้ลับซ่อนอยู่มากมาย ใครผ่านเที่ยวบึงกาฬอย่าลืมไปแวะชมความงามของแก่งอาฮงกัน
บ้านผีสิง บ้านผีดุ บ้านผีเฮี้ยน บ้านผีหลอน และอีกมากมายสารพัดบ้าน ดูจะเป็นเรื่องเราตำนานที่อยู่คู่กับทุกประเทศจริงๆ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า บ้านเป็นสถานที่สำคัญของทุกคนที่มีครอบครัว เมื่อเราจากไปหลายคนอาจจะจากโลกนี้ไปแบบหมดห่วงทำให้หมดห่วงบ้านไปด้วยแต่บางคนจากไปแบบมีห่วง หรือ ยังไม่รู้ตัวว่าตายไปแล้ว ก็จะทำให้จิตยังห่วงหา พื้นที่บ้านอยู่จนกลายเป็นบ้านผีสิงไปในที่สุด
ตำนาน House so Haunted ของอเมริกา
สำหรับประเทศอเมริกาเองก็มีตำนาน House so Haunted อยู่เยอะแยะมากมายเลยทีเดียว เรื่องราวจะเกิดขึ้นประมาณว่าการเข้าไปซื้อบ้านมือสองราคาถูกที่อาจจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลผู้คน ชุมชน หรือ หมู่บ้านในละแวกนั้นทำให้บ้านมีราคาถูก จนหลายครอบครัวซื้อไปแน่นอนว่าคนขายย่อมไม่บอกกับเราว่า บ้านหลังนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่เชียร์ให้ซื้อและรีบจ่ายเงินเพื่อจัดการให้เรียบร้อย เราเองพอเห็นบ้านหลังใหม่ราคาถูกก็คิดว่าจะซื้อเอาไว้
หลังจากเข้าอยู่ได้สักพัก บ้านมือสองของเราช่วงแรกทุกคนในครอบครัวก็มีความสุขดีกับบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม สะดวกสบายกว่าเดิม แต่อาจจะเหงาสักหน่อยเพราะอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร อยู่ไปสักพักหนึ่งทุกคนในครอบครัวจะรู้สึกได้เลยว่ามีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เรารู้ว่าบ้านหลังนี้มีคนอื่น มาอยู่ด้วยทั้งเสียง กลิ่นและภาพหลอนบางอย่าง เมื่อทุกอย่างเริ่มรุนแรงมากขึ้นสุดท้ายเจ้าของบ้านคนใหม่ก็ไม่สามารถอยู่ได้ ต้องประกาศขายต่อราคาถูกเพื่อไปอยู่ที่ใหม่ พร้อมกับคะยั้นคะยอเจ้าของบ้านหลังใหม่ให้รีบจ่ายเงิน พร้อมโอนโดยไว วนลูปไปแบบนี้ไม่รู้จับ นี่คือ ตำนาน House so Haunted ที่เกิดขึ้นในอเมริกา คาดกันว่าเรื่องราวแบบนี้จะอยู่ที่มิชิแกน, โอไฮโอ, หรือแคลิฟอร์เนียที่ใดที่หนึ่ง
ต้นเหตุของตำนาน
ตำนาน House so Haunted นั้นบ้านที่เกิดเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากเหตุฆาตกรรมบางอย่างที่สะเทือนขวัญไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายยกครอบครัว หรือ การฆาตกรรมจากฝีมือโจรภายนอกก็คือ อย่างเคสของบ้านอมิตี้วิลล์ ทางตอนใต้ของนิวยอร์กบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียลที่สวยงามจากภายนอก แต่เรื่องราวอันน่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อปี 1974 คนในครอบครัวถูกฆาตกรรมตายหมู่ยกบ้าน นั่นทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านร้าง ในเวลาต่อมาบ้านหลังนี้ที่น่าจะเป็นบ้านร้างกลับมีคนเห็นเรื่องราวไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น ทั้งเสียงคนเดินไปมาในบ้าน เสียงคนพูดคุยกัน หรือ รอยรองเท้ารอบบ้านที่ไม่น่าจะมีใครเข้าไป จนทำให้บ้านหลังนี้เข้าสู่ตำนาน House so Haunted อย่างไม่มีใครกล้าพิสูจน์ได้เลย
เมืองนอกเมืองนาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันตก ตะวันออก หรือ ฝั่งไหนของโลกก็ตาม เค้าก็จะมีเรื่องเล่า เรื่องผี ความเชื่อวิญญาณอะไรอีกมากมายเหมือนกับบ้านเรานั่นแหละ หากเป็นฝั่งทางตะวันตกยุโรป อเมริกา หนึ่งในตำนานสุดฮิตของบ้านเค้าก็คือตำนาน บลัดดี้แมรี่ เรื่องราวความน่ากลัวของปีศาจสาวตนนี้จะเป็นอย่างไร เรารวบรวมมาให้อ่านกัน
ประวัติของ ตำนาน Bloody Mary – บลัดดี้ แมรี่
สำหรับ ตำนาน Bloody Mary – บลัดดี้ แมรี่ นั้นที่มามีหลายเรื่อง บางตำนานเล่าว่าตัวจริงเธอคือแม่มดที่ใช้ไสยเวทย์ดำแล้วถูกทางการจับได้จึงประหารแบบเผา แต่จิตใจอาฆาตแค้นของเธอยังไม่ถูกเผาไหม้ไปจึงกลายมาเป็นบลัดดี้แมรี่ บางตำนานบอกว่าเธอคือผู้หญิงที่ตายในอุบัติเหตุก่อนจะแต่งงานด้วยความห่วงหาเลยไม่ไปไหน บางตำนานก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฆ่าลูกตัวเองแล้วฆ่าตัวตายตามจนกลายเป็นผีอาฆาต แต่ตำนานที่โด่งดังสุดต้องย้อนกลับไปช่วง ควีนแมรี่ที่ 1 เธอนับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จึงมีแนวคิดทำลายนิกายโปรแตสแตนด์ด้วยการฆ่า ประหาร ทำลายคนนิกายนี้ไปกว่า 1,000 คน ต่อมาเธอพยายามมีทายาทให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จจนเกิดภาวะครรภ์เทียมร่างกายเลยทรุดโทรมลงจนสวรรคตไป แล้วต้องกายมาเป็นบลัดดี้ แมรี่เพื่อชดใช้ในสิ่งที่ก่อเอาไว้
เล่น บลัดดี้ แมรี่
การเล่น บลัดดี้ แมรี่ หากเป็นภาษาบ้านเราก็เหมือนการเล่น ท้าความกลัว ท้าความกล้าอะไรสักอย่างหนึ่ง betflik slot โดยการเล่นบลัดดี้ แมรี่นอกจากจะท้าทายกันว่าเราจะเจอผี เจอปีศาจหรือไม่แล้ว ยังเชื่อกันว่า การได้เจอบลัดดี้ แมรี่นั้น จะทำให้เราได้พูดคุยกับคนที่ตายไปแล้วได้ในกระจก หรือบางคนอาจจะได้เจอเนื้อคู่ของตัวเองก็ได้ แต่ถ้าไม่เห็นแสดงว่าเราจะไม่ได้แต่งงาน หรือ ตายก่อนแต่งงานก็ได้ (ตีความไม่เหมือนกัน)
วิธีเล่นบลัดดี้ แมรี่
สำหรับการเล่นบลัดดี้ แมรี่นั้นแตกต่างกันไป ขอนำเสนอวิธีการยอดนิยมสุด ขั้นตอนมีอยู่ว่า เข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟให้สนิทเอาให้มองแล้วกระจกเป็นสีดำ มองเข้าไปในกระจกพูดคำว่า บลัดดี้ แมรี่ 13 ครั้ง แล้วจะเจอเธอยืนอยู่หน้ากระจก ตรงนี้แตกต่างกันนิดหนึ่ง บางคนก็บอกว่าพูดคำว่า Hell Mary 7 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง แล้วกระจกจะเป็นสีแดง ซึ่งเมื่อเธอปรากฏขึ้นมาก็อาจจะเจอในสถานการณ์ที่แตกต่างกันบางคนอาจจะเจอเธอมาชวนไปอยู่ด้วย บางคนเจอเธอในสภาพเละเทะจนทำให้กลัว กริ๊ดออกมา บางคนเจอเธอยืนเฉย (แต่พอเล่นเสร็จเธอจะตามเราออกมาจากโลกกระจกด้วย) ซึ่งก็ว่ากันไปตามความเชื่อนั่นเอง ใครอยากจะลองก็ได้นะไม่ว่ากัน
พญานาคนับว่าเป็นเรื่องราวลี้ลับที่สำคัญมากของผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ทั้งสองอย่างนี้เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก อีกทั้งยังมีเรื่องราวต่างๆมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเกี่ยวข้องกับแม่น้ำสายนี้ เพื่อทำความเข้าใจความเชื่อดังกล่าวให้ดีขึ้น เราจะมาย้อนรอยประวัติเกี่ยวกับตำนานของพญานาคกับแม่น้ำโขงกันบ้างว่ามีอะไร
ตำนานพญานาค
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องที่เล่าต่อไปนี้คือตำนานตามความเชื่อชาวพื้นเมืองทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งอาจจะมีการตีความผิดเพี้ยนไปบ้างแต่โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องก็จะไม่แตกต่างกัน เรื่องราวเริ่มจากเมืองหนองกระแสย่าน (ปัจจุบันเชื่อว่าพื้นที่นี้คือ ทะเลสาบเอ่อไห มณฑลยูนนาน ประเทศจีน) ตอนนั้นมีพญานาคอาศัยอยู่สองกลุ่มนั่นคือ พญานาคราชศรีสุทโธ และ พญานาคสุวรรณโคทั้งสองช่วยกันปกครองบ้านเมืองเป็นอย่างดี ทั้งสองมีกฎร่วมกันข้อหนึ่งว่า หากผู้ใดออกไปล่าสัตว์อีกผู้หนึ่งจะต้องเฝ้าเมืองเพื่อป้องกันศัตรู จากนั้นผู้ที่ล่าสัตว์จะต้องแบ่งเนื้อครึ่งหนึ่งให้กับผู้เฝ้าเมืองด้วย (แบ่งกันกิน)
ความขัดแย้งก่อตัว
ด้วยกฎดังกล่าวทั้งสองปกครองเมือง อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่แล้วความขัดแย้งก็ก่อตัวขึ้นเรื่องราวเริ่มจากวันหนึ่ง พญานาคราชศรีสุทโธได้ออกไปล่าอาหาร ซึ่งพญานาคตนนี้มีนิสัย มุทะลุ เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ จึงทำให้ล่าช้างมาได้ เมื่อได้ช้างมาจึงทำการแบ่งครึ่งให้กับอีกฝ่ายหนึ่งพร้อมกับขนช้างเพื่อแสดงหลักฐานการล่า เนื้อช้างที่ได้มามีปริมาณมากจนทำให้ทุกคนอิ่มหนำสำราญกันไป วันต่อมาเป็นคราวของพญานาคสุวรรณนาโค ท่านเป็นคนนิสัยละเอียดอ่อน ละเมียดละไม จิตใจดีมีเมตตาทำให้ท่านล่าได้เพียงเม่นเท่านั้น จากนั้นท่านได้นำเม่นไปแบ่งให้กับ พญานาคราชศรีสุทโธ พร้อมกับขนเม่น พญานาคราชศรีสุทโธพอได้เห็นเนื้อเม่นที่น้อยกว่าเนื้อช้างมาก จึงไม่พอใจเนื่องจากท่านคิดว่าขนเม่นใหญ่กว่าขนช้างน่าจะได้เนื้อมากกว่านี้ ฝ่ายพญานาคสุวรรณนาโค อธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง เรื่องนี้สุดท้ายกลายเป็นชนวนเหตุสงครามของทั้งสองฝ่าย
พญาแถน ไกล่เกลี่ย
สงครามระหว่างพญานาคทั้งสองดำเนินไปอย่างดุเดือดใช้เวลามากถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน จนทำให้เหล่าสรรพสัตว์ในท้องน้ำล้มตายเป็นอันมาก ร้อนถึงพญาแถนผู้มีอำนาจสูงสุดต้องออกโรงไกล่เกลี่ยเรื่องราวดังกล่าว ท่านได้กำหนดโทษให้พญานาคทั้งสองขุดดินเพื่อทำให้แม่น้ำกระแสย่านไปถึงทะเล ใครทำเสร็จก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายพญานาคาราชศรีสุทโธเป็นฝ่ายบู๊จึงทำให้ร่องน้ำเสร็จก่อนซึ่งกลายมาเป็นแม่น้ำโขงในที่สุด ส่วนฝ่ายพญานาคสุวรรณนาโคมีนิสัยละเมียดละมัย ทำอะไรสวยงาม จึงทำแม่น้ำให้เป็นเส้นตรงไม่คดเคี้ยว จนกลายเป็นแม่น้ำน่านในปัจจุบัน เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้แล
หนังเรื่องลี้ลับซับซ้อน ที่ผสมผสานความเชื่อและเหตุการณ์บางอย่างที่วิทยาศาสตร์นั้นพิสูจน์ไม่ได้ยังมีอีกหลายเรื่องราวด้วยกัน หนังแนวนี้แม้จะดูแล้วตกใจจนหลอนนอนคนเดียวไม่ได้ไปหลายคืน แต่กลับมีบางเรื่องที่ต้องบอกว่ามีการสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงเสียด้วย อย่างเช่นเรื่อง The possession กล่องอาถรรพ์
เรื่องย่อ The possession
เราขอเล่าเรื่องราวของ The possession กันสักหน่อย เรื่องราวน่าสะพรึงกลัวในครั้งนี้พูดถึงชายวัยกลางคนชื่อว่า ไคลด์ หนุ่มลูกติดที่เค้าได้รับลูกสาวมาเลี้ยงในวันหยุดสุดสัปดาห์ จากนั้นก็พากันไปกินเที่ยวเล่นตามประสาพ่อลูกอย่างมีความสุข แต่ขากลับ ลูกสาวคนเล็กชื่อว่า เอม ได้ไปเดินตลาดแบกะดินเธอได้เห็นกล่องโบราณอันหนึ่งรู้สึกชอบใจ จึงขอพ่อซื้อกลับมา เมื่อกลับมาบ้านเธอแอบเปิดกล่องใบนั้นเข้าจากนั้นเธอก็เปลี่ยนไป พฤติกรรมก้าวร้าว กินเยอะขึ้น ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง จนทำให้ไคลด์ และแม่ของเอมต้องหาทางช่วยเหลือก่อนที่ลูกสาวของเธอจะเปลี่ยนไปจนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง สุดท้ายไคลด์จะช่วยลูกสาวเอาไว้ได้หรือไม่ ต้องไปติดตามต่อกันเอง
กล่อง Dibbuk box ของจริง
The possession แม้เรื่องราวในภาพยนตร์จะหลอนระทึกจนหยดสุดท้ายแล้ว แต่เรื่องนี้หากเรามองย้อนไปยังเค้าโครงเรื่องจริงความหลอนก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย เรื่องราวของกล่องใบนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า Dibbuk box แปลว่ากล่องที่มีปีศาจร้ายสิงอยู่ แต่กล่องนี้จะมีลักษณะไม่เหมือนกล่องบ้านเรา ตัวกล่องจะมีกลไกภายในเหมือนกล่องเก็บไวน์ ซึ่งมองภายนอกจะไม่รู้เลยว่ามีลูกเล่นอย่างนี้ซ่อนอยู่
เรื่องราวของกล่องใบนี้
จากประวัติที่ค้นหาได้ เรื่องราวของกล่องใบนี้เริ่มต้นจาก เควิน นายคนนี้ทำงานเป็นนายหน้าค้าที่ดิน วันหนึ่งเค้าไปเห็นกล่องใบนี้เค้าจากมุมขายของเก่าในเมือง จึงซื้อมาคนขายเล่าว่ากล่องใบนี้เป็นของคุณย่าที่เพิ่งเสียไป เธอเล่าว่ากล่องใบนี้เป็นสมบัติสุดหวงของคุณย่ามาก ก่อนตายเธอยังบอกให้ฝังมันไปพร้อมกับเธอแต่ตามกฎหมายทำไม่ได้ก็เลยไม่ได้ทำ คนขายเล่าย้อนไปอีกว่า คุณย่าเคยโดนจับไปอยู่ค่ายกักกันแล้วเหมือนกล่องใบนี้จะช่วยให้เธอรอดพ้นอันตรายมาได้
เควินได้ยินเรื่องราวก็สนใจกล่องใบนี้มากขึ้น จึงคิดว่าจะเอาไปให้แม่ แต่ปรากฏว่าทุกครั้งที่เควินยกกล่องใบนี้ให้ใครก็จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย เงาดำที่คอยตามติดตลอดเวลา ฝันร้ายที่เหมือนจริง นั่นทำให้สุดท้ายเควินต้องพยายามขายกล่องนี้ออกไป จนตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่ากล่องใบนี้ไปอยู่ที่ไหน กับใคร ไม่แน่มันอาจจะอยู่ตลาดนัดแบกะดินแถวบ้านเราก็ได้
เวลาเราผ่านห้องเสื้อชุดแต่งงาน ที่มีหุ่นผู้หญิงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์บางครั้งเราอาจจะก็อดที่จะมองอย่างชื่นชม หรือบางคนอาจจะยิ้มตามหุ่นเหล่านั้น พร้อมกับฝันหวานว่าหากตัวเองได้ใส่ชุดแบบนั้นบ้างจะเป็นอย่างไร แต่หากหุ่นจำลองที่สวมชุดเจ้าสาวนั้นมีความหลอกหลอน สยองซ่อนอยู่ละ เราจะยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม
la pascualita หุ่นจำลองเหมือนคน
เรื่องราวสุดหลอนเกี่ยวกับหุ่นจำลองสวมชุดเจ้าสาวนี้ชื่อว่า la pascualita หุ่นจำลองตัวนี้จุดเด่นของเธอคือความเหมือน และความละเอียดของหุ่น ที่ต้องบอกว่าหากมองแบบผิวเผินนี่เหมือนคนมาก ยิ่งมองดูใกล้ก็จะยิ่งรู้สึกได้เลยว่าหุ่นตัวนี้เหมือนคนจริงมีทั้งเส้นเลือด รอยเหี่ยวย่น รอยยิ้ม ผิวสัมผัสอันละเอียด ละเมียดละไม แทบไม่ต่างจากผิวหนังของคน
ความหลอนจากชุดเจ้าสาว
ด้วยความเหมือนจนแยกได้ยากนี่เอง ทำให้หลายคนเชื่อว่าหุ่นตัวนี้ทำมาจากศพที่ดองเอาไว้เป็นอย่างดี เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้นหุ่นตัวนี้ยังสร้างความหลอนให้กับผู้พบเห็นอีกด้วย บางคนที่เข้าไปในห้องเสื้อแห่งนี้บอกว่า ทุกครั้งที่เดินผ่านหุ่นตัวนี้ จะเหมือนกับว่าสายตาของเธอนั้นกำลังจับจ้องมองมาที่เราอยู่ ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนเธอก็จะมองตามเราทุกฝีก้าวเลย ซึ่งการมองตามนี้หากเราเดินผ่านหน้าร้านตอนกลางคืนหลายคนก็รู้สึกอย่างนี้เช่นกัน ถือว่าเป็นความหลอนภายใต้ความสวยงามของชุดเจ้าสาวก็ว่าได้
อีกเรื่องลึกลับที่เล่ากันมาก็คือ นักมายากลชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเค้าอกหักจากความรัก พอมาเห็นหุ่นตัวนี้ก็ใช้เวทมนตร์ที่มีเสกลงไปในหุ่นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อท่องเที่ยวไปด้วยกันยามราตรี หรือบางคนบอกว่าเคยเห็นหุ่นตัวนี้เปลี่ยนอิริยาบถได้เอง ก็ว่ากันไปตามความเชื่อของแต่ละคน
ประวัติความเป็นมา
หุ่นจำลองตัวนี้ตั้งอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าชุดเจ้าสาวในเมือง ชิวาวา ประเทศเม็กซิโก ประวัติความเป็นมาเล่าไว้ว่า หุ่นตัวนี้ถูกจำลองมาเพื่อให้เหมือนกับลูกสาวของเจ้าของร้านเสื้อผ้าชุดเจ้าสาวคนก่อน เธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานมีชีวิตที่สวยงามตามแบบฉบับของสาวสวยทั่วไป เหมือนชะตาเล่นตลกเธอต้องตายในวันแต่งงานของเธอเนื่องจากถูกแมงมุมม่ายดำกัดทำให้ครอบครัวของเธอเศร้าโศกอย่างมาก จึงได้ทำหุ่นตัวนี้ขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเธอ โดยหุ่นตัวนี้ถูกนำออกมาตั้งโชว์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 จนถึงตอนนี้ก็ 86 ปีเข้าไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าหุ่นตัวนี้ยังคงความสมบูรณ์แทบไม่บุบสลายเลย จัดว่าเป็นหุ่นสวมชุดแต่งงานที่หลอนสุดๆในโลกนี้ได้เลย